การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์แบบกูรูเรื่องรถ มีวิธีการอย่างไร

การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์แบบกูรูเรื่องรถ มีวิธีการอย่างไร

การมีรถยนต์แล้วเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาสุดคุ้มไว้เคียงคู่รถยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความเหมาะสมแล้ว แต่นอกจากเรื่องประกันแล้ว การใส่ใจดูแลและเลือกใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถยนต์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราทุกคนมองข้ามไม่ได้อย่างแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์รถยนต์ที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว เพราะเป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรองที่ส่งมาจากไดชาร์จและส่งไปให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์อีกที

แบตเตอรี่รถยนต์จึงนับว่ามีบทบาทและความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น ครั้งนี้เรามาเรียนรู้วิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์แบบฉบับกูรูเรื่องรถเขาทำกันดีกว่า

เข้าใจความสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์

เข้าใจความสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถเมื่อทำการเก็บไฟแล้ว ก็จะทำการจ่ายไฟไปยังส่วนต่าง ๆ ของรถอีกที อย่างจ่ายไฟไปยังมอเตอร์สตาร์ต ระบบจุดระเบิด รวมไปถึงจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในรถด้วย เช่น ระบบแอร์ ระบบเครื่องเสียง ระบบไฟส่องสว่าง เป็นต้น

แบตเตอรี่รถไม่เก็บไฟเกิดขึ้นจากอะไร

ปัญหาแบตเตอรี่ไม่เก็บไฟหรือว่าไม่สามารถสำรองพลังงานเอาไว้ใช้ได้แบ่งเป็น 2 กรณี

  1. เกิดขึ้นจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ
  2. เกิดขึ้นจากไดชาร์จทำงานผิดปกติและเกิดความเสียหาย ทำให้ประจุไฟไม่ถูกส่งหรือถูกส่งเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้น้อย ทำให้แบตเตอรี่มีกำลังไฟไม่เพียงพอที่จะจ่ายต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของรถ

วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถแบบมืออาชีพ

แบตเตอรี่รถยนต์กับประกันรถยนต์มีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ มีหลายประเภทและหลายระดับราคาให้เลือก อย่างประกันรถ ถ้าคุณเลือกเป็นประกันชั้น 1 ก็ยังมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาที่แตกต่างกันให้เลือกตามแต่ละโปรโมชั่นของบริษัทประกัน แบตเตอรี่รถยนต์เองก็เช่นกัน ที่แบ่งออกเป็นหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีหลายราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์ผู้ผลิต

วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถแบบมืออาชีพ

แบตเตอรี่รถยนต์ต่างประเภทกันไปก็จะมีวิธีการดูแลแตกต่างกันไป ซึ่งหากเราดูแลได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ มอบความคุ้มค่าสูงสุดให้กับเรา ซึ่งการดูแลแบตเตอรี่ทำได้ดังนี้

                1.แบตเตอรี่รถแบบน้ำ

                แบตเตอรี่แบบนี้เป็นประเภทที่จะต้องดูแลคอยเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมค่อนข้างบ่อย จึงเหมาะกับคนที่ดูแลรถเป็นประจำ ซึ่งข้อดีของแบตเตอรี่ชนิดนี้ก็คือราคาไม่สูง มีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วยการดูแลแบตเตอรี่แบบนี้ก็คือให้คอยเช็กระดับน้ำกลั่นถ้าพร่องไปก็คอยเติม และหมั่นทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ให้สม่ำเสมอ

                2.แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง

                เป็นประเภทที่พัฒนาออกมาจากแบตเตอรี่แบบน้ำ ซึ่งประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจเช็กหรือเติมน้ำกลั่นบ่อย แต่ก็ต้องตรวจเช็กบ้าง ประมาณสักครึ่งปีก็มาตรวจปริมาณน้ำกลั่นสักที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย ถ้าใช้รถยนต์บ่อยก็อาจจะต้องมาตรวจปริมาณน้ำกลั่นถี่ขึ้นสักเล็กน้อย การดูแลก็จะคล้าย ๆ กับแบบแรก แต่อาจจะไม่ต้องบ่อยเท่า

                3.แบตเตอรี่แบบแห้ง

                ธรรมชาติของแบตเตอรี่แบบนี้ถูกออกแบบมาให้ไม่ต้องดูแลอะไรมากอยู่แล้ว จึงเป็นรูปแบบที่ใช้งานได้สะดวก แต่ทว่าในด้านราคาจะสูงกว่าแบบอื่น ๆ และอายุการใช้งานนั้นมักจะสั้นกว่าแบตเตอรี่ทั้งสองแบบข้างต้นด้วย การดูแลแบตเตอรี่แบบนี้จะไม่ได้เป็นการไปดูแลที่ตัวแบตเตอรี่โดยตรง แต่จะหันไปตรวจสอบในส่วนระบบไฟของไดชาร์จแทน ซึ่งถ้าการจ่ายไฟทำได้ปกติและสม่ำเสมอ ก็จะไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง

แบตเตอรี่รถ

นี่คือแนวทางการดูแลแบตเตอรี่แบบมืออาชีพเรื่องรถที่คุณเองก็ทำได้ ลองไปใช้กันดู และนอกจากนั้นแล้วอย่าลืมเช็กเรื่องประกันรถด้วย ว่าครบกำหนดต่อประกันแล้วหรือยัง ใครต้องการทำประกันหรือเปลี่ยนประกันใหม่ หรือต้องการรู้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาตอนนี้เป็นอย่างไร ผู้เขียนขอแนะนำให้ผู้อ่านเช็คที่เว็บไซต์ของ EasyCompare แล้วคุณจะพบคำตอบที่คุณต้องการ